โซลาร์เซลล์

5 เคล็ดลับเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ พร้อมการตกแต่งภายในให้บ้านเย็นขึ้น

5 เคล็ดลับเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ พร้อมการตกแต่งภายในให้บ้านเย็นขึ้น
Table of Contents

    Key Takeaway

    • เลือกแอร์เบอร์ 5 และไม่เกิน 15 ปี ประหยัดไฟมากกว่า ประสิทธิภาพดีกว่า
    • เลือก BTU ให้เหมาะกับห้อง แอร์ทำงานไม่หนัก ประหยัดพลังงาน
    • ตั้งค่าแอร์ถูกวิธี อุณหภูมิ 24-26°C ใช้โหมดประหยัดไฟ ไม่เร่งแอร์ตอนเปิด เปิดพัดลมร่วม
    • ดูแลและปรับสภาพแวดล้อม ล้างแอร์ทุก 6 เดือน ติดม่าน/ฟิล์ม ใส่ฉนวน ติดโซลาร์เซลล์
    • การติดติดตั้งโซลาร์เซลล์ช่วยประหยัดพลังงานได้มากว่า เพราะ Solar Cell เป็นการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้แทนพลังงานไฟฟ้าได้อย่างไม่มีวันหมด หากยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกติดตั้งโซลาร์เซลล์แบบไหนเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด ที่ EWAVE 

    อยากให้ห้องเย็นฉ่ำแบบไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย? มาดู 5 เคล็ดลับการเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ รับรองว่าทำตามแล้ว ค่าไฟไม่บานปลายแน่นอน

    เลือกแอร์อย่างไร ให้ประหยัดพลังงาน

    เลือกแอร์อย่างไร ให้ประหยัดพลังงาน

    แอร์ไม่ได้เหมือนกันทุกตัว ต้องเลือกและเปลี่ยนให้เป็นแอร์ที่ประหยัดพลังงาน

    มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 

    โดยฉลากประหยัดไฟจะมีระดับตั้งแต่เบอร์ 1 ถึงเบอร์ 5 ซึ่งเบอร์ 5 หมายถึง ระดับที่ประหยัดไฟมากที่สุด ซึ่งฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 คือ ฉลากที่บอกข้อมูลเบื้องต้นของเครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมทั้งบอกระดับการใช้พลังงาน ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน และมาตรฐานประหยัดไฟฟ้า รวมถึงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผ่านประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน ที่ได้มาตรฐานตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกระทรวงพลังงานกำหนด โดยหากเลือกซื้อแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 มาใช้งาน ก็เป็นวิธีที่เปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ ประหยัดพลังงานได้มากขึ้นกว่าเดิม

    ไม่ใช้แอร์มือสอง หรือแอร์เก่าเกิน 15 ปี 

    ไม่ว่าจะเป็นแอร์มือสอง หรือแอร์เก่าที่มีอายุใช้งานเกิน 15 ปี ที่นอกจากจะต้องเสียค่าซ่อมบำรุงบ่อยๆ แล้ว ระบบการทำงานต่างๆ ทั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ ระบบทำความเย็น รวมถึงมอเตอร์การทำงานอื่นๆ ย่อมเสื่อมสภาพตามระยะเวลาการใช้งาน และระบบต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อให้ความเย็นเท่าเดิม จึงเป็นสาเหตุให้แอร์ที่ใช้งานยิ่งกินไฟมากกว่าเดิม 

    ดังนั้นหากต้องการเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ และอยากลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น จึงควรซื้อเครื่องปรับอากาศเครื่องใหม่จึงจะดีที่สุด เพราะแอร์รุ่นใหม่มีระบบการทำงานที่ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าเดิม และช่วยให้แอร์เย็นเร็วโดยไม่ต้องเปิดอุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส  

    เลือกแอร์ที่มีค่า BTU เหมาะกับห้อง 

    การเลือกขนาด BTU ของแอร์ให้เหมาะกับขนาดของห้อง เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากเลือกแอร์ที่มีค่า BTU สูง และขนาดใหญ่กว่าห้อง จะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ตัดการทำงานบ่อย ประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ลดลง และทำให้คอมเพรสเซอร์เสียหายได้ หรือเลือกแอร์ที่มีค่า BTU ต่ำ และขนาดเล็กกว่าห้อง จะทำให้แอร์ทำงานหนักอยู่ตลอด และมีอัตรากินไฟมากกว่าเดิม ฉะนั้นควรเลือกแอร์ที่มีค่า BTU เหมาะสมกับห้อง เพื่อเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟกว่าเดิม ด้วยวิธีการคำนวณ BTU ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง คือ พื้นที่ห้อง (กว้างxยาว) x ค่า Cooling Load Estimation (ค่าตัวแปร) = ค่า BTU ที่เหมาะสม 

    โดยค่าตัวแปรที่เหมาะสมกับแต่ละห้อง ได้แก่ 

    • 700-750 สำหรับห้องนอนปกติ
    • 750-850 สำหรับห้องนั่งเล่น
    • 800-950 สำหรับห้องทานอาหาร
    • 800-900 สำหรับห้องทำงาน
    • 900-1000 สำหรับห้องครัว
    • 850-1000 สำหรับห้องประชุม
    5 เคล็ดลับเปิดแอร์แบบประหยัดไฟ ที่หลายคนไม่รู้

    5 เคล็ดลับเปิดแอร์แบบประหยัดไฟ ที่หลายคนไม่รู้

    เครื่องปรับอากาศ เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าจำเป็นที่ทุกบ้านต้องมี เพราะเหมาะกับอากาศที่ร้อนจัดอยู่เสมอ แต่หากเปิดแอร์บ่อยขึ้น ค่าไฟก็มักสูงตามไปด้วย มาดู 7 วิธีเปิดแอร์ประหยัดไฟ จ่ายบิลค่าไฟถูกลง พร้อมด้วยวิธีประหยัดไฟฟ้า เพื่อให้ประหยัดค่าไฟได้ในระยะยาว

    1. ใช้โหลดประหยัดพลังงาน

    ส่วนมากแอร์รุ่นใหม่มักจะมีโหมด ECO หรือ โหมดประหยัดพลังงานด้วยเสมอ โดยโหมดนี้ออกแบบมา เพื่อให้เครื่องปรับอากาศทำงานแบบไร้เสียงรบกวน แอร์ปรับลดความเย็นลง แต่เพิ่มแรงพัดลม เพื่อกระจายลมให้อุณหภูมิในห้องเย็นไวขึ้น และทำให้ห้องมีความเย็นคงที่ สม่ำเสมอ ซึ่งเป็นวิธีเปิดแอร์แบบประหยัดไฟ ที่ช่วยประหยัดพลังงาน เพราะคอมเพรสเซอร์ทำงานน้อยลง จนทำให้เครื่องปรับอากาศใช้พลังงานน้อยลงด้วยเช่นกัน

    2. ตั้งอุณหภูมิ 24-26 องศาเซลเซียส

    การเปิดแอร์ในอุณหภูมิ 24-26 องศาเซลเซียส เป็นวิธีการเปิดแอร์ให้ประหยัดที่หลายคนมักแนะนำกัน และช่วยให้เปิดแอร์ได้ทั้งวันโดยไม่สิ้นเปลืองพลังงานมากนัก เพราะแอร์จะไม่ทำงานหนักเกินไป คอมเพรสเซอร์ของแอร์จะทำงานน้อยลง และแอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่างจากการเปิดแอร์ในอุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส และเปิดตลอดทั้งวัน ที่ทำให้แอร์ทำงานหนักมากขึ้น และกินไฟมากกว่าการเปิดแอร์อุณหภูมิปกติ

    3. ไม่ควรเร่งแอร์ช่วง 1-2 นาทีแรก

    ในช่วงที่อากาศร้อนจนทนไม่ไหว และแอร์ไม่สามารถปรับอุณหภูมิภายในห้องให้เย็นได้ตามต้องการ บางบ้านก็มักรีบปรับอุณหภูมิแอร์ให้ลดลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้แอร์เย็นทันใจ แต่การเร่งแอร์ช่วง 1-2 นาทีแรก จะทำให้แอร์และคอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนักกว่าปกติ ส่งผลให้แอร์กินไฟมากกว่าเดิม 

    ดังนั้น หากต้องการเปิดแอร์แบบประหยัดไฟ พร้อมให้อากาศภายในห้องเย็นเร็วกว่าเดิม ก็ควรเปิดพัดลมควบคู่ด้วย เร่งความเร็วของพัดลมแอร์ หรือรอให้แอร์และคอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานคงที่ก่อน จากนั้นจึงค่อยปรับลดอุณหภูมิห้องตามต้องการ

    4. เปิดแอร์พร้อมเปิดพัดลม

    การเปิดแอร์พร้อมพัดลม ไม่ได้ทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นแบบที่หลายคนเข้าใจกัน แต่การเปิดแอร์พร้อมพัดลม ช่วยประหยัดค่าไฟได้มากกว่าการเปิดแอร์อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส โดยวิธีการเปิดแอร์ให้ประหยัดค่าไฟให้มากที่สุด และสามารถลดอุณหภูมิห้อง เพื่อให้ห้องเย็นมากกว่าเดิม ทำได้โดยการเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 26-27 องศา พร้อมกับการเปิดพัดลม ก็เป็นเคล็ดลับที่ช่วยประหยัดไฟ และทำให้ห้องเย็นเร็วกว่าเดิม เพราะพัดลมช่วยเพิ่มการเคลื่อนที่ของอากาศในห้อง พร้อมระบายความร้อนออกจากร่างกาย ให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น

    5. ตั้งเวลาเปิด-ปิดแอร์ตามกิจวัตรของคนในบ้าน

    สำหรับการตั้งเวลาเปิด-ปิด ตามกิจวัตร เช่น การเปิดช่วงเที่ยง ช่วงบ่าย หรือช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัด การตั้งเวลาปิดแอร์ล่วงหน้า 1 ชั่วโมงก่อนตื่นนอน ทำให้เครื่องได้พักและช่วยให้แอร์ไม่ทำงานหนักเกินไปด้วย และหากต้องไปทำธุระนอกบ้าน ก็ควรปิดแอร์ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งเสมอ ที่สำคัญ ไม่ควรเปิด-ปิด เครื่องปรับอากาศบ่อยๆ เพราะการเปิด-ปิดบ่อยๆ จะทำให้แอร์และคอมเพรสเซอร์ ต้องพยายามทำความเย็นใหม่หนักกว่าเดิมทุกครั้ง และส่งผลต่ออายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศด้วย 

    ดังนั้นการตั้งเวลาเปิด-ปิด เปิดในช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็ถือเป็นวิธีเปิดแอร์แบบประหยัดไฟ ช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องปรับอากาศในระยะยาว

    วิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดไฟ

    วิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดไฟ

    เมื่อรู้วิธีเลือกแอร์และวิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟแล้ว มาดูวิธีตกแต่งบ้าน เสริมอุปกรณ์ให้บ้านเย็นขึ้น เพื่อให้แอร์ทำงานน้อยลง พร้อมทำให้บ้านเย็น อยู่สบาย อากาศไม่อบอ้าว ดังนี้

    ล้างแอร์ทุกๆ 6 เดือน 

    เมื่อใช้งานไปนานๆ แอร์จะเกิดการสะสมของฝุ่นละอองและเชื้อโรค จนทำให้พัดลมแอร์อุดตัน แอร์ทำงานหนัก และกินไฟมากกว่าเดิม ดังนั้น จึงควรล้างแอร์ทุก 6 เดือน หรือ ปีละ 2 ครั้ง ที่นอกจากช่วยลดการสะสมของฝุ่นละออง ที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพแล้ว ยังทำให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึง 10% อีกด้วย

    เลี่ยงการนำของร้อนเข้าห้อง 

    การนำของร้อนเข้ามาในห้อง ไม่ว่าจะเป็น กาน้ำร้อน เตารีด หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความร้อนสูง จะทำให้แอร์ทำงานหนักกว่าปกติ เพื่อให้อุณหภูมิห้องเย็นลง ฉะนั้นแล้ววิธีที่ดีที่สุด คือ ควรหลีกเลี่ยงการนำของร้อนเข้ามาในห้องระหว่างที่เปิดแอร์ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้เปิดแอร์ได้แบบประหยัดไฟมากขึ้นแล้ว

    ติดผ้าม่านหรือฟิล์มกระจก 

    การติดผ้าม่านที่นอกจากจะสร้างความสวยงาม ผ้าม่านยังช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดดที่ส่องเข้ามาได้ หากเลือกใช้ผ้าม่านเนื้อหนา สีเข้ม และกันแดด จะช่วยลดความร้อนภายในห้องได้ดี หรือการติดฟิล์มกรองแสงที่กระจก ที่นอกลดความร้อนแล้ว ก็ช่วยป้องกันเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งภายในบ้านจากรังสียูวีเพื่อให้ของต่างๆ ดูใหม่ตลอดเวลาด้วย

    ติดตั้งฉนวนกันความร้อน

    โดยฉนวนกันความร้อน ที่นอกจากจะป้องกันความร้อนจากแสงแดดได้แล้ว ฉนวนกันความร้อน ยังสามารถลดอุณหภูมิภายในบ้านเย็นลงได้ ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่ทำงานหนักเกินไป ใช้พลังงานในการทำความเย็นน้อยลง พร้อมทั้งประหยัดค่าไฟได้ในระยะยาว

    ติดตั้งโซลาร์เซลล์ 

    อีกหนึ่งวิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดค่าไฟ และสามารถเปิดแอร์ได้ตลอดทั้งวันโดยไม่สิ้นเปลืองพลังงาน คือ การติดตั้ง Solar Cell เพราะใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ แทนการใช้พลังงานไฟฟ้าจากระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าไฟฟ้าในระยะยาว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    สรุป

    สิ่งสำคัญในการเลือกแอร์ให้ประหยัดไฟ ควรเลือกแอร์เครื่องใหม่ หรือรุ่นใหม่ ที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เพราะเป็นแอร์ที่มีประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานสูงสุด ไม่ควรเลือกแอร์มือสอง หรือแอร์เก่าเกิน 15 ปี เพราะประสิทธิภาพการทำงานลดลง จนทำให้กินไฟเพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญควรเลือกแอร์ที่มีค่า BTU เหมาะกับห้อง เพื่อให้แอร์ทำความเย็นได้เต็มประสิทธิภาพ ส่วนวิธีการตั้งค่าการเปิดแอร์ประหยัดไฟนั้น มีทั้งการใช้โหมดประหยัดพลังงาน เปิดแอร์พร้อมพัดลมในอุณหภูมิ 24-26 องศาเซลเซียส และการตั้งเวลาเปิด-ปิดแอร์ และอย่างสุดท้าย กับวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการเปิดแอร์ให้ประหยัดค่าไฟ พร้อมทำให้บ้านเย็น น่าอยู่ คือ การติดผ้าม่าน ติดฟิล์มกระจก ติดตั้งฉนวนกันความร้อน หรือการติดตั้งโซลาร์เซลล์ เพื่อให้สามารถเปิดแอร์ได้ตลอดวัน

    หากยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกติดตั้งโซลาร์เซลล์แบบไหนเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด ที่ EWAVE  เรามีเจ้าหน้าที่มืออาชีพที่มีประสบการณ์พร้อมให้คำปรึกษา การติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่ใช้กับแอร์โดยเฉพาะ หรือใช้ทั้งบ้านก็สามารถเลือกได้ตามความต้องการ