Key Takeaway
- ค่า FT คือต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าไฟฟ้าผันผวน โดยจะมีการปรับทุก 4 เดือนตามต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ซึ่งขึ้นอยู่กับราคาเชื้อเพลิง (โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ) อัตราแลกเปลี่ยน และต้นทุนการซื้อไฟฟ้าจากแหล่งอื่น
- การคำนวณค่า FT ทำได้โดยนำจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ คูณกับอัตราค่า FT ที่ประกาศโดยกกพ. แล้วนำไปบวกกับค่าไฟฟ้าฐาน ทำให้ค่าไฟฟ้ารวมสูงขึ้นหรือลดลงตามสถานการณ์
- มีหลายวิธีในการลดค่าไฟฟ้า เช่น การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน การตั้งอุณหภูมิแอร์ที่ 25-27 องศา การถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน และการติดตั้งโซลาร์เซลล์ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟได้ในระยะยาว
- อยากลดค่าไฟฟ้าแบบง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องกังวลค่า FT ทุกเดือน ปรึกษา EWAVE ช่วยคุณทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกโซลาร์เซลล์ ไปจนถึงการติดตั้งและดูแลรักษา
ทำไมค่าไฟแต่ละเดือนถึงได้ผันผวนหรือทำไมบางเดือนค่าไฟฟ้าถึงพุ่งสูงจนน่าตกใจ แม้จะใช้ไฟฟ้าเท่าเดิม อาจจะเป็นเพราะค่า FT แล้ว ค่า FT คืออะไร? มีผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าอย่างไร? และจะทำอย่างไรเพื่อลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้บ้าง? หากคุณกำลังสงสัยและอยากหาคำตอบที่ชัดเจน บทความนี้มีคำตอบให้คุณทุกข้อ พร้อมทั้งเทคนิคการวิเคราะห์ใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้า และวิธีประหยัดไฟฟ้าที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที
ค่า FT คืออะไร
ค่า FT ย่อมาจาก Fuel Adjustment Charge (at the given time) คือ ค่าไฟฟ้าผันแปรที่หมายถึงการปรับเปลี่ยนตามต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ซึ่งรวมถึงค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า เช่น น้ำมัน แก๊สธรรมชาติ และค่าซื้อไฟฟ้าจากแหล่งอื่นๆ ซึ่งค่า FT จะมีการปรับเปลี่ยนทุกๆ 4 เดือน โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงไป โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อค่า FT ได้แก่ ราคาเชื้อเพลิง ปริมาณการใช้เชื้อเพลิง และอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น ค่าไฟฟ้าที่ผู้บริโภคจ่ายจึงประกอบด้วยค่าไฟฟ้าพื้นฐานและค่า FT ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าโดยรวมสูงขึ้นหรือลดลงตามสถานการณ์ของต้นทุนการผลิตไฟฟ้า

ทำไมค่าไฟถึงแพงขึ้น ค่า FT ขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง
แล้วค่า FT ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง? ซึ่งปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ที่ทำให้ค่าไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาเชื้อเพลิงที่ผันผวนในตลาดโลก ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อค่าไฟฟ้าในประเทศไทย
เชื้อเพลิงเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตไฟฟ้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าในประเทศไทย การที่ราคาแก๊สธรรมชาติในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าโดยรวมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ราคาเชื้อเพลิงโลกที่ผันผวน
ราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟฟ้าผันแปร ส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยต้องนำเข้าเชื้อเพลิงบางส่วนเพื่อมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า เมื่อราคาเชื้อเพลิงนำเข้าสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
อัตราแลกเปลี่ยน
เนื่องจากประเทศไทยนำเข้าเชื้อเพลิงบางส่วน อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐจึงมีผลต่อต้นทุนการนำเข้าเชื้อเพลิง เมื่อเงินบาทอ่อนค่าลง การนำเข้าเชื้อเพลิงจะมีราคาแพงขึ้น ทำให้ค่า FT เพิ่มขึ้น
ต้นทุนการซื้อไฟฟ้าจากแหล่งอื่น
หากการไฟฟ้าต้องซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนหรือประเทศเพื่อนบ้าน ค่าใช้จ่ายในการซื้อไฟฟ้าส่วนนี้ก็จะรวมอยู่ในค่า FT ด้วย เมื่อค่าซื้อไฟฟ้าจากแหล่งอื่นสูงขึ้น ค่า FT คือสิ่งที่จะสูงขึ้นตามไปด้วย
นโยบายและมาตรการของภาครัฐ
นโยบายและมาตรการของภาครัฐก็มีส่วนสำคัญในการกำหนดค่าไฟฟ้า เช่น นโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน การกำหนดราคาขายปลีกไฟฟ้า และการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้า เป็นต้น นโยบายเหล่านี้มีทั้งผลดีและผลเสียต่อค่าไฟฟ้า โดยบางนโยบายอาจช่วยลดค่าไฟฟ้าในระยะยาว แต่ในระยะสั้นอาจทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นได้
หลักการคำนวณค่า FT

ค่า FT คือความสำคัญต่อการกำหนดราคาไฟฟ้า เนื่องจากหากค่า FT สูงขึ้น ราคาไฟฟ้าโดยรวมก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย และในทางกลับกัน หากค่า FT ต่ำลง ราคาไฟฟ้าก็จะลดลง ซึ่งวิธีเช็กค่าไฟฟ้าและวิธีการคำนวณค่า FT โดยทั่วไปมีขั้นตอนมีดังนี้
- กำหนดปริมาณการใช้ไฟฟ้า กำหนดจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ผู้บริโภคใช้ในรอบบิลนั้นๆ
- กำหนดอัตราค่า FT กกพ. จะประกาศอัตราค่า FT ในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามต้นทุนเชื้อเพลิง
- คำนวณค่า FT นำปริมาณการใช้ไฟฟ้าคูณกับอัตราค่า FT ที่กำหนด
- บวกค่า FT เข้ากับค่าไฟฟ้าฐาน นำค่า FT ที่คำนวณได้ไปบวกกับค่าไฟฟ้าฐาน (ค่าไฟฟ้าที่ไม่รวมค่า FT) เพื่อหาค่าไฟฟ้ารวม
ตัวอย่าง
- สมมติว่าใช้ไฟฟ้า 100 หน่วย
- อัตราค่า FT ในช่วงเวลานั้นคือ 40 สตางค์ต่อหน่วย
- ค่า FT ที่ต้องจ่าย = 100 หน่วย x 40 สตางค์/หน่วย = 40 บาท
- นำ 40 บาท ไปบวกกับค่าไฟฟ้าฐาน ก็จะได้ค่าไฟฟ้ารวม
อย่างไรก็ตาม วิธีการคำนวณค่า FT อาจมีรายละเอียดเพิ่มเติมหรือแตกต่างกันไปบ้างในแต่ละครั้ง ขึ้นอยู่กับประกาศของกกพ.

วิธีอ่านและวิเคราะห์บิลค่าไฟ
การอ่านและวิเคราะห์บิลค่าไฟอย่างละเอียด จะช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของตนเอง และสามารถวางแผนการใช้ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ซึ่งองค์ประกอบในใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้า และจุดที่ควรสังเกตมีดังนี้
- ค่า FT คือค่าไฟฟ้าผันแปรที่ปรับเปลี่ยนตามต้นทุนเชื้อเพลิง หากค่า FT สูงขึ้น ค่าไฟฟ้ารวมก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
- หมายเลขบัญชี ใช้สำหรับติดต่อและอ้างอิงในการชำระค่าไฟฟ้า
- ช่วงเวลาที่เรียกเก็บ ระบุช่วงวันที่ที่ทำการเรียกเก็บค่าไฟฟ้า
- หน่วยที่ใช้ ระบุจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ในรอบบิลนั้น
- อัตราค่าไฟฟ้า ระบุอัตราค่าไฟฟ้าต่อหน่วย ซึ่งอาจแบ่งเป็นหลายอัตรา เช่น อัตราค่าไฟฟ้าฐาน
- ค่าไฟฟ้ารวม เป็นจำนวนเงินที่ต้องชำระทั้งหมด
- รายละเอียดค่าใช้จ่ายอื่นๆ อาจมีค่าบริการอื่นๆ เช่น ค่าธรรมเนียม หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม
จุดที่ควรสังเกตในบิลค่าไฟ
- ค่า FT สังเกตว่าค่า FT ในแต่ละรอบบิลมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพื่อเปรียบเทียบกับรอบบิลก่อนหน้า
- การเปรียบเทียบการใช้ไฟฟ้า เปรียบเทียบจำนวนหน่วยที่ใช้ในแต่ละรอบบิล เพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และหาสาเหตุของการเปลี่ยนแปลง
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตรวจสอบว่ามีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามาหรือไม่
- โปรโมชั่นหรือส่วนลด ตรวจสอบว่ามีโปรโมชันหรือส่วนลดที่ได้รับหรือไม่
ตัวอย่างการวิเคราะห์บิลค่าไฟจริง
สมมติว่าคุณได้รับบิลค่าไฟฟ้า และพบว่าค่าไฟฟ้าในรอบบิลนี้สูงกว่าปกติ คุณสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้
- ตรวจสอบค่า FT เปรียบเทียบค่า FT ในรอบบิลนี้กับรอบบิลก่อนหน้า หากค่า FT เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น
- ตรวจสอบจำนวนหน่วยที่ใช้ เปรียบเทียบจำนวนหน่วยที่ใช้ในรอบบิลนี้กับรอบบิลก่อนหน้า หากใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น
- ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า ตรวจสอบว่ามีการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นหรือไม่ หรือมีอุปกรณ์ไฟฟ้าใดชำรุดและทำงานผิดปกติหรือไม่
- ตรวจสอบพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า พิจารณาว่ามีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าหรือไม่ เช่น เปิดแอร์นานขึ้น หรือใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าบ่อยขึ้น
วิธีลดค่าไฟฟ้า หมดห่วงบิลสิ้นเดือน
ค่าไฟฟ้าที่สูงและค่า FT ขึ้นคือปัญหาที่หลายบ้านต้องเผชิญ ลองนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้เพื่อลดค่าไฟฟ้าและผ่อนคลายความกังวลเรื่องบิลสิ้นเดือนกัน ดังนี้
- ปิดไฟเมื่อไม่ใช้งาน แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การปิดไฟเมื่อออกจากห้องหรือเมื่อไม่ได้ใช้งานจะช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานได้มาก
- ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า แม้ว่าจะปิดสวิตช์แล้ว แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด เช่น แท่นชาร์จโทรศัพท์ หรือเครื่องเสียง ยังคงกินไฟอยู่เล็กน้อย การถอดปลั๊กจะช่วยตัดการจ่ายไฟได้อย่างสมบูรณ์
- หลีกเลี่ยงการเปิดไฟหลายดวงพร้อมกัน ใช้แสงธรรมชาติให้มากที่สุด เน้นเปิดไฟเฉพาะในบริเวณที่จำเป็นหลอดไฟ LED เปลี่ยนหลอดไฟแบบเดิมเป็นหลอด LED ซึ่งให้แสงสว่างมากกว่าและกินไฟน้อยกว่า
- เครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์ เครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์สามารถปรับความเย็นได้อย่างแม่นยำและประหยัดพลังงานมากกว่า
- เครื่องซักผ้าและตู้เย็นประหยัดพลังงาน เลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดพลังงาน
- ตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม การตั้งอุณหภูมิที่ 25-27 องศาเซลเซียส จะช่วยประหยัดพลังงานได้มาก
- ใช้พัดลม ในบางครั้ง การเปิดพัดลมอาจเพียงพอต่อการระบายอากาศ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา
- ทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้า การทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นประจำจะช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานมากขึ้น
- ตรวจเช็กระบบไฟฟ้า ตรวจสอบระบบไฟฟ้าในบ้านเป็นประจำ เพื่อหาจุดบกพร่องและแก้ไข
- ติดตั้งโซลาร์เซลล์ การติดตั้งโซลาร์เซลล์สามารถช่วยลดค่าไฟฟ้าได้อย่างมากในระยะยาว
สรุป
ค่า FT คือค่าไฟฟ้าผันแปรที่ปรับเปลี่ยนทุก 4 เดือนตามต้นทุนการผลิต เช่น ราคาเชื้อเพลิง อัตราแลกเปลี่ยน และต้นทุนการซื้อไฟฟ้า ผู้บริโภคจ่ายค่าไฟรวมค่าไฟพื้นฐานบวกกับค่า FT โดยคำนวณจากหน่วยไฟฟ้าที่ใช้คูณกับอัตราค่า FT ที่กกพ. กำหนด การลดค่าไฟทำได้ด้วยการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน ปิดไฟ ถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน และการตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม
หากยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกติดตั้งโซลาร์เซลล์แบบใด EWAVE พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำโซลูชันที่เหมาะสม ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านพลังงานแสงอาทิตย์ เรามุ่งมั่นช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์ ปรึกษาเราได้วันนี้เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติม