Key Takeaway
- มาตรฐานการเดินสายไฟเข้าบ้านต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของการไฟฟ้านครหลวง (MEA) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รวมถึงมาตรฐานวิศวกรรมไฟฟ้าไทย (TIS 1860) เพื่อความปลอดภัยและการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
- การเดินสายไฟในบ้านมี 4 ประเภทหลัก คือการเดินสายไฟแบบฝังในผนัง เดินลอย ร้อยท่อ และตีกิ๊บ ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดี-ข้อจำกัดที่เหมาะกับการใช้งานและประเภทบ้านที่แตกต่างกันไป
- สายไฟที่นิยมใช้ในบ้านมีหลายประเภท เช่น THW, VAF, VCT และ NYY โดยควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น สายไฟที่มีฉนวนทนความร้อนสำหรับภายในอาคาร หรือสายไฟกันน้ำสำหรับภายนอกบ้าน
ไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นในทุกบ้าน ทั้งสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันและเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่ทำให้ชีวิตสะดวกสบาย แต่การให้ระบบไฟฟ้าทำงานอย่างราบรื่นและปลอดภัยนั้น เริ่มต้นจากการเดินสายไฟที่มีมาตรฐานและเหมาะสม พร้อมทั้งรู้จักวิธีประหยัดไฟฟ้า ก็จะช่วยลดค่าไฟฟ้าและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ได้อีกด้วย
การวางแผนเดินสายไฟในบ้านไม่เพียงแค่การเชื่อมต่อวงจรไฟฟ้า แต่ต้องคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยและการเลือกสายไฟที่เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละจุดของบ้าน หากคุณกำลังสร้างบ้านใหม่หรือปรับปรุงระบบไฟฟ้า บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจการเดินสายไฟตั้งแต่พื้นฐานจนถึงการเลือกสายไฟที่เหมาะสม เพื่อให้บ้านของคุณมีระบบไฟฟ้าที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
การเดินสายไฟในบ้านคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร?
การเดินสายไฟในบ้านคือการติดตั้งระบบสายไฟที่เชื่อมต่อแหล่งจ่ายไฟกับจุดใช้งานต่างๆ เช่น ตู้ไฟ สวิตช์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยต้องเป็นไปตามมาตรฐานเพื่อให้ปลอดภัยและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟ เช่น แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น หรือเตาอบ การเดินสายไฟที่เหมาะสมจะช่วยรองรับโหลดไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้ในบ้านได้อีกด้วย
ความสำคัญของการเดินสายไฟในบ้านนั้นมีหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัย การเลือกใช้สายไฟที่มีคุณภาพและตรงตามมาตรฐานสามารถลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจร ไฟฟ้าช็อต รวมถึงปัญหาไฟเกิน การเดินสายไฟที่ได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับระบบไฟฟ้าในบ้าน ไม่เพียงแต่ทำให้การใช้งานสะดวก แต่ยังช่วยให้บ้านมีความปลอดภัยจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นการลงทุนในความปลอดภัยระยะยาวของผู้อยู่อาศัย

มาตรฐานการเดินสายไฟเข้าบ้านที่ควรรู้!
การปฏิบัติตามมาตรฐานการเดินสายไฟในบ้านไม่เพียงแต่ช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังสำคัญต่อความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎหมาย การติดตั้งระบบไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐานอาจเสี่ยงต่ออุบัติเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร ไฟไหม้ หรือกระแสไฟฟ้าช็อต ดังนั้น การให้ช่างไฟฟ้าที่มีความชำนาญตรวจสอบก่อนการติดตั้งสายไฟทุกครั้งจึงเป็นสิ่งสำคัญ
นอกจากนี้การปฏิบัติตามมาตรฐานการเดินสายไฟไม่เพียงแต่เพื่อความปลอดภัย แต่ยังช่วยให้การใช้งานระบบไฟฟ้าเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากไม่ทำตามมาตรฐาน อาจเกิดปัญหาทั้งจากการใช้งานที่ไม่ปลอดภัย และไม่สามารถรับรองความเสถียรของระบบไฟฟ้าในระยะยาว รวมถึงการเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนแปลงระบบไฟฟ้าใหม่
ในประเทศไทยการติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในบ้านต้องปฏิบัติตามมาตรฐานของการไฟฟ้านครหลวง (MEA) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รวมทั้งข้อกำหนดจาก มาตรฐานวิศวกรรมไฟฟ้าไทย (TIS 1860) ซึ่งเป็นมาตรฐานการติดตั้งไฟฟ้าที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานสากลจาก IEC (International Electrotechnical Commission) ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ในระดับโลก
ส่วนประกอบหลักของระบบไฟฟ้าที่ต้องได้มาตรฐาน
- ขนาดสายไฟ สายไฟต้องมีขนาดและประเภทเหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อให้ไฟฟ้าไหลเต็มที่ ป้องกันความร้อนเกินและลดความเสี่ยงไฟไหม้ โดยพิจารณาจากเครื่องใช้ไฟฟ้าและระยะทางเดินสาย
- อุปกรณ์ป้องกัน (เบรกเกอร์ ฟิวส์) เบรกเกอร์และฟิวส์ช่วยป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและกระแสเกิน โดยตัดไฟทันทีเมื่อเกิดปัญหา ควรมีติดตั้งในทุกบ้าน
- การต่อลงดิน (Grounding) การต่อลงดินเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันไฟฟ้าช็อต โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดการลัดวงจรในอุปกรณ์ไฟฟ้า การต่อลงดินที่ได้มาตรฐานช่วยให้กระแสไฟฟ้าไหลลงสู่ดินแทนการไหลผ่านร่างกายของคน
- อุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สายดิน ตัวเชื่อมต่อไฟฟ้า และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ช่วยให้ระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัยและเสถียร
การติดตั้งระบบไฟฟ้าในบ้านตามมาตรฐานที่กำหนดจะช่วยให้ระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัย ใช้งานได้ยาวนาน และลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากไฟฟ้า ดังนั้นการเลือกใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

การเดินสายไฟในบ้าน มีกี่ประเภท?
หลายๆ คนที่กำลังสร้างบ้านหรือรีโนเวทบ้านอยู่ อาจยังไม่ทราบว่าการเดินสายไฟในบ้านมีหลายรูปแบบ และอาจสับสนว่าจะเลือกเดินสายไฟในบ้านแบบไหนดีที่เหมาะกับบ้าน ต่อไปนี้จะพาไปทำความรู้จักกับประเภทของการเดินสายไฟที่นิยมใช้กันในบ้านเพื่อให้วิวภายในบ้านถูกใจมากที่สุด โดยทั่วไปแล้วการเดินสายไฟมีทั้งหมด 4 ประเภทหลักๆ ดังนี้

1. การเดินสายไฟในบ้านแบบฝังในผนัง
เดินสายไฟแบบฝังในผนังหมายถึงการติดตั้งสายไฟโดยการฝังในผนังหรือท่อที่ฝังไว้ภายในผนังของบ้าน เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความเรียบร้อยและไม่เห็นสายไฟภายนอก ซึ่งทำให้บ้านดูสะอาดตาและลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากการสัมผัสสายไฟ
การเดินสายไฟแบบฝังในผนังเหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการให้ระบบไฟฟ้าดูเรียบร้อยและไม่ทิ้งร่องรอยสายไฟภายนอก เหมาะกับบ้านใหม่หรือบ้านที่มีการปรับปรุงระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะในห้องที่มีการตกแต่งแบบโมเดิร์นหรือสไตล์ที่ต้องการให้สายไฟซ่อนอยู่ภายใน
ข้อดีการเดินสายไฟในบ้านแบบฝังในผนัง
- ช่วยให้บ้านดูเรียบร้อย สวยงาม ไม่เห็นสายไฟ
- ปลอดภัยจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากการสัมผัสสายไฟ
- ป้องกันสายไฟจากการถูกทำลายหรือเสียหายจากปัจจัยภายนอก
- เหมาะสำหรับบ้านที่ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นหรือทันสมัย
ข้อจำกัดการเดินสายไฟในบ้านแบบฝังในผนัง
- ต้องการการวางแผนและการติดตั้งล่วงหน้า เนื่องจากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายในภายหลัง
- อาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเดินสายไฟแบบภายนอก เนื่องจากต้องใช้ท่อและวัสดุเพิ่มเติม
- อาจเกิดความยุ่งยากในการซ่อมแซมหรือปรับปรุงในกรณีที่เกิดปัญหากับระบบไฟฟ้า

2. การเดินสายไฟในบ้านแบบเดินลอย
เดินสายไฟแบบเดินลอยหมายถึงการติดตั้งสายไฟที่ไม่ได้ฝังในผนัง แต่จะติดตั้งโดยใช้ท่อหรือรางเดินสายไฟที่ติดตั้งอยู่บนพื้นผิวของผนังหรือเพดาน ทำให้สามารถมองเห็นสายไฟได้อย่างชัดเจน ซึ่งการเดินสายไฟลอยนี้จะใช้สำหรับพื้นที่ที่ไม่สะดวกในการฝังสายไฟหรือในกรณีที่ต้องการให้สายไฟสามารถซ่อมแซมหรือเปลี่ยนแปลงได้ง่าย
การเดินสายไฟแบบลอยเหมาะสำหรับบ้านที่มีการใช้งานไฟฟ้าในรูปแบบที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น ในบ้านที่ต้องการติดตั้งระบบไฟฟ้าเพิ่มเติมในภายหลัง หรือบ้านที่มีการปรับปรุงใหม่ ซึ่งต้องการการติดตั้งไฟฟ้าเร็วและสะดวก โดยไม่ต้องทำการเจาะผนังหรือปรับโครงสร้างบ้าน
ข้อดีการเดินสายไฟในบ้านแบบเดินลอย
- สามารถติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว โดยไม่ต้องเจาะผนังหรือทำการปรับปรุงโครงสร้างบ้าน
- เหมาะสำหรับการติดตั้งระบบไฟฟ้าเพิ่มเติมในบ้านที่มีการตกแต่งไปแล้ว
- มีความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนแปลงหรือซ่อมแซมระบบไฟฟ้าในอนาคต
- ติดตั้งท่อหรือรางได้ในตำแหน่งที่ต้องการ เช่น บนผนังหรือเพดาน
ข้อจำกัดการเดินสายไฟในบ้านแบบเดินลอย
- สายไฟและท่อที่เดินลอยอาจดูไม่สวยงาม และทำให้บ้านดูไม่เรียบร้อย
- อาจเสี่ยงต่อการถูกทำลายจากการสัมผัสหรือการเคลื่อนย้ายสิ่งของ
- การเดินสายไฟแบบลอยอาจไม่เหมาะสมกับบ้านที่ต้องการการตกแต่งในสไตล์ที่ดูสะอาดตาหรือทันสมัย

3. การเดินสายไฟในบ้านแบบร้อยท่อ
เดินสายไฟแบบร้อยท่อหมายถึงการติดตั้งสายไฟโดยการใส่สายไฟลงในท่อที่ทำจากวัสดุที่ทนทาน เช่น ท่อ PVC หรือท่อโลหะ ซึ่งท่อจะช่วยปกป้องสายไฟจากอันตรายต่างๆ เช่น การโดนกระทบจากวัตถุภายนอก หรือความชื้น และยังทำให้การดูแลรักษาและซ่อมแซมสายไฟเป็นไปได้ง่ายในอนาคต
การเดินสายไฟแบบร้อยท่อเหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการความปลอดภัยและทนทาน เนื่องจากท่อจะช่วยป้องกันสายไฟจากความเสียหายและเพิ่มความสะดวกในการซ่อมแซมหรือปรับปรุงในอนาคต เหมาะกับบ้านที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างหรือบ้านที่มีการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความคงทน
ข้อดีการเดินสายไฟในบ้านแบบร้อยท่อ
- ป้องกันสายไฟจากอันตรายภายนอก เช่น การโดนกระแทกหรือการสัมผัส
- ท่อช่วยให้การซ่อมแซมหรือการเปลี่ยนแปลงระบบไฟฟ้าในอนาคตเป็นเรื่องง่าย
- ท่อไฟฟ้าสามารถป้องกันความชื้นหรือการกัดกร่อนได้ดี
- ทำให้ระบบไฟฟ้าดูเรียบร้อยและปลอดภัยจากอุบัติเหตุ
ข้อจำกัดการเดินสายไฟในบ้านแบบร้อยท่อ
- การติดตั้งท่อไฟฟ้าอาจต้องใช้เวลานานและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
- อาจจำเป็นต้องมีการเจาะผนังหรือติดตั้งท่อบนผนัง ซึ่งอาจกระทบต่อการตกแต่งบ้าน
- ในกรณีที่มีการติดตั้งท่อมากเกินไปอาจทำให้บ้านดูรกหรือไม่สวยงาม

4. การเดินสายไฟในบ้านแบบตีกิ๊บ
เดินสายไฟแบบตีกิ๊บคือการติดตั้งสายไฟโดยการยึดสายไฟเข้ากับผนังหรือเพดานด้วยกิ๊บพลาสติกหรือโลหะ ซึ่งเป็นวิธีการติดตั้งที่ง่ายและรวดเร็ว ไม่ต้องฝังสายไฟในผนังหรือใช้ท่อ ช่วยให้การเดินสายไฟเป็นไปอย่างสะดวก
เหมาะสำหรับการติดตั้งระบบไฟฟ้าเพิ่มเติมหรือการซ่อมแซมสายไฟในบ้านที่ไม่ได้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า การเดินสายไฟแบบตีกิ๊บเหมาะกับบ้านที่ต้องการความรวดเร็วในการติดตั้ง หรือบ้านที่ไม่ต้องการเจาะผนังหรือฝังท่อ เหมาะสำหรับบ้านเช่า อาคารพาณิชย์ หรือบ้านที่ต้องการเพิ่มจุดใช้งานไฟฟ้าโดยไม่ต้องแก้ไขโครงสร้างเดิม
ข้อดีการเดินสายไฟในบ้านแบบตีกิ๊บ
- ติดตั้งง่ายและใช้เวลาน้อย
- ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการเดินสายไฟแบบฝังในผนังหรือร้อยท่อ
- เหมาะสำหรับการติดตั้งระบบไฟฟ้าเพิ่มเติมหรือแก้ไขสายไฟเดิม
- ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนสายไฟได้ง่าย
ข้อจำกัดการเดินสายไฟในบ้านแบบตีกิ๊บ
- ดูไม่เรียบร้อยและอาจทำให้บ้านดูไม่สวยงาม
- เสี่ยงต่อการสัมผัสสายไฟโดยตรง หากกิ๊บหลุดหรือสายไฟหลุดออกจากกิ๊บ
- สายไฟอาจเสื่อมสภาพเร็วจากการสัมผัสกับอากาศและฝุ่น
- ไม่เหมาะกับบ้านที่ต้องการความเรียบร้อยหรือการตกแต่งแบบโมเดิร์น

สายไฟมีกี่ประเภท เลือกแบบไหนให้เหมาะกับบ้าน
ในการเลือกสายไฟสำหรับบ้าน สิ่งสำคัญคือการพิจารณาเรื่อง ฉนวนและลักษณะการใช้งาน ของสายไฟ เนื่องจากแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยสายไฟที่นิยมใช้ในบ้าน สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้
- สายไฟ THW สายไฟที่มีฉนวน PVC ทนความร้อนได้สูง เหมาะสำหรับการเดินสายไฟภายในอาคารหรือในท่อ ใช้งานกับระบบไฟฟ้าแรงดันต่ำ เช่น ระบบแสงสว่างและเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป
- สายไฟ VAF สายไฟแบบแบนที่มีฉนวน 2 ชั้น หุ้มฉนวน PVC มีทั้งแบบ 2 เส้นและ 3 เส้น (พร้อมสายดิน) เหมาะสำหรับการเดินสายภายในบ้าน โดยเฉพาะงานระบบแสงสว่างและปลั๊กไฟ
- สายไฟ VCT หรือ VCT-G สายไฟชนิดอ่อน หุ้มฉนวน PVC หลายชั้น มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการบิดงอ เหมาะกับการใช้งานกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการเคลื่อนย้ายบ่อย เช่น ปลั๊กต่อพ่วงหรือเครื่องจักรขนาดเล็ก
- สายไฟ NYY หรือ NYY-G สายไฟหุ้มฉนวน 2 ชั้น พร้อมฉนวนกันน้ำและความชื้น ทนทานต่อการใช้งานหนัก เหมาะสำหรับการเดินสายภายนอกอาคาร หรือฝังดิน
- สายไฟ THW-F (Flexible) หรือสายไฟชนิด IEC 02 สายไฟชนิดอ่อนที่มีฉนวน PVC ใช้สำหรับงานเดินสายภายในบ้านที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง เช่น การเดินสายไฟในพื้นที่แคบ หรือการเดินสายกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการการเคลื่อนไหว
- สายไฟ IEC 10 สายไฟที่มีฉนวน PVC หุ้ม 2 ชั้น และมีสายดิน เหมาะสำหรับการเดินสายไฟในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น โรงงานหรืออาคารพาณิชย์ ที่ต้องการการป้องกันไฟฟ้ารั่วหรือไฟฟ้าลัดวงจร
การเลือกสายไฟที่เหมาะสมควรพิจารณาจากการใช้งานและสภาพแวดล้อมของพื้นที่ เช่น การเดินสายภายในอาคารควรเลือกสายไฟที่มีฉนวนกันความร้อน ส่วนการเดินสายภายนอกควรเลือกสายไฟที่ทนทานต่อความชื้นและสภาพอากาศ เพื่อให้การใช้งานมีความปลอดภัยและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

ขั้นตอนการเดินสายไฟในบ้าน
การเดินสายไฟในบ้านไม่เพียงแค่การติดตั้งสายไฟให้ครบวงจร แต่ยังต้องวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงของระบบไฟฟ้า การทำงานควรดำเนินการโดยช่างไฟฟ้าที่มีใบอนุญาตและมีความชำนาญ ซึ่งขั้นตอนพื้นฐานในการเดินสายไฟในบ้านมีดังนี้
- กำหนดตำแหน่งของปลั๊กไฟ สวิตช์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด พร้อมวางแผนเส้นทางเดินสายไฟ เพื่อให้การติดตั้งเป็นไปอย่างมีระบบและปลอดภัย
- เลือกขนาดและประเภทสายไฟที่เหมาะสม โดยพิจารณาขนาดสายไฟตามปริมาณโหลดไฟฟ้าและประเภทของการใช้งาน เช่น สาย THW, VAF หรือ NYY เพื่อให้รองรับการใช้งานได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
- ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันกระแสเกินและไฟฟ้าลัดวงจร เช่น เบรกเกอร์และฟิวส์ เพื่อป้องกันความเสียหายและอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
- เดินสายไฟตามแบบที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการฝังในผนัง เดินลอย หรือร้อยท่อ พร้อมยึดสายไฟให้แน่นหนาและเป็นระเบียบ
- เชื่อมต่อสายไฟเข้ากับปลั๊กไฟ สวิตช์ และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ อย่างถูกต้อง พร้อมตรวจสอบการต่อสายเพื่อป้องกันการลัดวงจร และควรเช็กค่าไฟฟ้าเป็นประจำทุกเดือน เพื่อควบคุมการใช้พลังงานและตรวจสอบความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในระบบไฟฟ้า
- ตรวจสอบการเดินสายไฟทั้งหมดและทดสอบการทำงานของระบบไฟฟ้า เพื่อให้มั่นใจว่าระบบทำงานได้อย่างปกติและปลอดภัย ก่อนเริ่มใช้งานจริง
หากต้องการเดินสายไฟในบ้านต้องอาศัยช่างไฟฟ้าที่มีความชำนาญและมีใบอนุญาต เพื่อให้การติดตั้งได้มาตรฐานและปลอดภัยต่อการใช้งานในระยะยาว
สรุป
การเดินสายไฟในบ้านเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างระบบไฟฟ้าที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เริ่มต้นจากการวางแผนและออกแบบวงจรไฟฟ้า เลือกสายไฟที่เหมาะสมกับการใช้งาน ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกัน เช่น เบรกเกอร์และฟิวส์ และดำเนินการติดตั้งสายไฟตามมาตรฐานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและการลัดวงจร การเลือกใช้ช่างไฟฟ้าที่มีความชำนาญและมีใบอนุญาตจะช่วยให้การเดินสายไฟในบ้านเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย ทั้งนี้การเลือกใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานยังช่วยเพิ่มอายุการใช้งานและลดความเสี่ยงจากการเกิดไฟไหม้ในระยะยาว
หากคุณสนใจติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อประหยัดพลังงานและช่วยลดการใช้ไฟฟ้าและประหยัดค่าใช้จ่าย EWAVE มีบริการจำหน่ายและรับติดตั้งโซลาร์เซลล์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานสากลและการติดตั้งโดยทีมช่างมืออาชีพที่ผ่านการอบรมมาอย่างดี นอกจากนี้ยังมีบริการดูแลหลังการขายแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเช็กประสิทธิภาพ การซ่อมบำรุง หรือการให้คำปรึกษา เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าระบบโซลาร์เซลล์ของคุณจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัยในทุกขั้นตอน